ทักษะการฟัง … ก็สำคัญนะเออ
การฟังและการจับใจความสำคัญจากเรื่องเล่า ... เรียกได้เป็นเป็นหัวใจสำคัญอย่างหนึ่งของการพัฒนานักคิดเลยทีเดียว... เพราะการทดสอบความพร้อมในสนามสอบสาธิตส่วนใหญ่นั้น ครูจะเป็นผู้อ่านโจทย์ให้นักเรียนฟัง ...
และก่อนจะไปถึงช่วงเวลาการทำแบบทดสอบนั้น... คุณครูจะบอกให้นักเรียนได้เข้าใจและปฏิบัติตาม เช่น ให้นักเรียนนั่งประจำโต๊ะที่ตรงกับเลขที่ของตัวเอง ... และครูอธิบายต่อถึงวิธีการทำข้อสอบและการเลือกคำตอบ ซึ่งในแต่ละสถาบันก็มีรายละเอียดที่ต่างกันออกไป เช่น บางสนามสอบให้นักเรียนใช้ปากกาแดงในการกากบาทเลือกคำตอบ หากแก้ไขให้นักเรียนยกมือขึ้นคุณครูจะเดินไปแก้คำตอบใหม่ให้...แต่บางสนามหากนักเรียนจะเปลี่ยนคำตอบใหม่ให้นักเรียนเขียนเครื่องหมายเท่ากับทับข้อเก่าและไปกากบาทเลือกข้อใหม่เอง เป็นต้น
ส่วนข้อดีของการที่ครูอ่านโจทย์ให้คือ.. เด็กไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือได้อย่างแตกฉานและคล่องเป๊ะๆ แต่จุดอ่อนก็คือหากในสนามนั้นครูอ่านโจทย์ให้ฟังเพียงรอบเดียว และลูกฟังไม่ดีก็จะถือว่าพลาดอย่างแรง(ต่อให้รูว่าตอบอะไรก็ไม่มีประโยชน์เลยเพราะฟังคำถามไม่ทัน)........หรือแม้กระทั่งครูจะอ่านโจทย์นั้นซ้ำถึงสองรอบหากลูกจับใจความและเก็บรายละเอียดไม่ดีพอ ก็ทำให้เลือกคำตอบที่ผิดได้
ทักษะการฟังนั้นนอกจะเป็นทักษะแรกที่ต้องฝึกฝนและพัฒนานั้น ผู้ฟังจะต้องมีสมาธิที่ดีฟังให้เข้าใจเก็บรายละเอียดให้ครบถ้วน... ทั้งยังต้องมีจินตนาการที่ดีตามเรื่องที่เล่าได้อีกด้วย
ดังนั้นการจัดสรรเวลาในแต่ละวันเพื่อเล่านิทานให้ลูกฟัง หรือการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์โดยให้ลูกฟังเสียงนิทานจากออดิโอซีดีในรถยนต์ระหว่างการเดินทาง(โดยไม่จำเป็นต้องเห็นภาพ).. หรือการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในสิ่งที่ลูกและคนในครอบครัวได้พบเจอในแต่ละวัน ตลอดจนการมอบหมายหน้าที่ให้ลูกรับผิดชอบช่วยเหลืองานบ้านในคำสั่งแบบต่างๆ ก็ถือว่าเป็นการพัฒนาทักษะการฟังให้กับลูกน้อยได้เป็นอย่างดีคะ
ค่อยๆฝึกฝนไปคะ.. การที่ต้นกล้าเล็กๆจะเติบโตสวยงามและแข็งแกร่ง มิใช่แค่เพียงการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ดีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น...ทว่าการเอาใจใส่ดูแลอย่างสม่ำเสมอด้วยความรักทุกๆวัน จะทำให้กลายเป็นต้นไม้ใหญ่ที่แข็งแรงได้อย่างน่าชื่นใจเลยทีเดียวคะ